ขอโทษที่ห่างหายไป

บางครั้งการที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับเรา เราก็ลืมอะไรไปบางอย่าง ต้องขอโทษทุกคนด้วยคะที่ไม่ได้แวะเวียนมาเวิร์ดเพรสนี้ซะนาน หากยังต้องการติดต่อหรือสื่อสารกับนิด มีอีกหนึ่งทางเลือกคะที่เฟสนะคะ Kanitta Pilathong จะได้เห็นหน้าตัวจริงของนิด และสมาชิกใหม่ของครอบครัวนิดชื่อ ชัยมงคล”Kaka”

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

ผู้หญิงไม่ได้โง่

ความลับไม่มีในโลก..ยิ่งโลกไซเบอร์คลิกเดียวก็รู้หมด…ใครทำลับหลังแล้วสบายใจก็ทำเถอะรอแค่ทนไม่ได้เท่านั้นล่ะ..แต่ขอบอกว่า”ฉันเกลียดคำโกหก” ผู้หญิงบางคนไม่ได้โง่ไม่เคยได้ยินคำนี้หรอ?ผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดคือ ผู้หญิงที่แกล้งโง่หลอกผู้ชาย
…ผู้ชายก็เหมือนรองเท้า..เพียงแค่มันกัดฉันก็จะสลัดมันทิ้ง  ผู้หญิงอื่นอาจใส่เพราะมันยังสวยงามเป็นคู่แรกของเราซื้อมาแพงเสียดาย..แต่ฉันไม่ทนใส่รองเท้าที่มันกัดแล้วเดินแน่ๆ  ฉันไม่อายที่จะเดินเท้าเปล่าแรกๆทุกๆคนอาจเจ็บไม่ชิน..แต่ฉันเกิดมาก็ไม่ได้ใส่รองเท้ามาแต่ท้องแม่ยังโตได้ขนาดนี้…
ไม่ต้องคิดว่าฉันเป็นไร..เรื่องแค่นี้ไม่ได้มีผลกับชีวิตฉันแค่เซ็งนิดหน่อยหากใครมาลบเหลี่ยม และแค่เบื่อที่ผู้ชายชอบว่าผู้หญิงโง่..

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 2 ความเห็น

สวัสดีชาวโลก – -‘

Welcome to WordPress.com. This is your first post. Edit or delete it and start blogging!

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 2 ความเห็น

อย่าเรียกร้อง..จากความรัก

อย่าเรียกร้อง…จากความรัก

 

 

ข้อมูลจาก Forward mail
by lOve_pOnd
ภาพประกอบจาก flickr.com

เมื่อเราเริ่มต้นมีความรัก . .
ทุกอย่างมันก็เหมือนกับถูกกำหนดปลายทางเอาไว้แล้วโดยคน 2 คน . .
ซึ่งไม่มีใครล่วงรู้หรอกว่า มันจะสั้นจะยาวแค่ไหน

แต่ถ้าเป็นไปได้ เราก็คาดหวังว่า
… อยากให้ปลายทางหรือจุดสิ้นสุดนั้นยืนยาว
ไปจนถึงวันที่ใครคนหนึ่งได้ตายจากไป . .

บางคนโชคดี ที่ความคาดหวังกับความจริง เป็นเรื่องเดียวกัน
แต่สำหรับบางคนไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แต่นั่น . .ก็ไม่ได้หมายความว่า . .
ความรักของคุณหมดฤดูกาลแล้วเสียเมื่อไหร่

ฉันรู้ว่า . . มันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่จะทำใจยอมรับความจริงอันโหดร้ายที่ผ่านมา
แต่ถ้าเราไม่สามารถหันหลังให้อดีต เพื่อมองปัจจุบัน . .
เราก็จะเป็นคนที่จมอยู่กับอดีตที่มืดมัวไปตลอดไม่ยอมไปไหน . .


ชีวิตยังต้องเดินหน้าต่อไป
เราไม่อาจกำหนดได้ว่า หลังจากนี้ต่อไป ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร
เหมือนกับที่เราก็ไม่รู้หรอกว่า หลังจากความรักครั้งแรกได้ผ่านพ้นไป . .
อีกนานไหม ? ความรักครั้งใหม่จะเดินทางเข้ามา

 

แต่ก็ไม่อยากให้คุณสิ้นหวัง . .
เพราะบางทีก็อาจที่เป็นไปได้เหมือนกัน .. .ที่โชคชะตาของเรา อาจได้ถูกกำหนดมาแล้ว
ให้เราต้องผิดหวังกับคนๆ หนึ่ง เพื่อมาเจอกับใครอีกคนหนึ่ง
ที่เขาอาจกลายเป็น "รั ก แ ท้" ของคุณก็ได้ . .ใครจะรู้

ไม่ได้ต้องการจะบอกกับคุณว่า . .
ให้นั่งรอคอยความรักแบบเป็นบ้าเป็นหลัง
เพราะความรักที่สมบูรณ์มั่นคงแข็งแรงนั้น . .
ควรเกิดขึ้นจาก "ตั ว เ อ ง" มากกว่าการเรียกร้องจาก " ค น อี ก ค น "

สิ่งที่อยากบอกคุณก็คือ "ทุกสิ่งในชีวิต . . เป็นเรื่องมหัศจรรย์ได้ทั้งนั้น"

ที่มาจากFW.mail

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 4 ความเห็น

ความรักของพ่อ

A son says to his father: ‘Dad, would you be willingly to run a marathon with me?’
วันนึงลูกชายได้พูดกับพ่อของเขาว่า ‘พ่อครับ พ่อจะไปวิ่งมาราธอนกับผมได้ไหม’

The father, despite his age and a heart disease, says ‘YES’.
ถึงแม้ว่าตัวคุณพ่อเองจะอายุมากแล้ว แถมยังเป็นโรคหัวใจ เขาเลือกที่จะตอบลูกของเขากลับไปว่า ‘ได้ซิลูก’

And they run that marathon, together.
หลังจากนั้นทั้งสองก็วิ่งมาราธอนด้วยกัน

The son asks: ‘Dad, can you run another marathon with me?’ Again father says ‘YES’.
อีกวันนึง ลูกชายได้ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า ‘พ่อครับ พ่อจะวิ่งมาราธอนกับผมอีกครั้งได้ไหม’ แน่นอนว่า พ่อตอบกลับไปว่า ‘ได้ซิลูก’

They run another marathon, together.
เขาทั้งสองก็ได้วิ่งมาราธอนรายการอื่นอีกครั้งด้วยกัน

One day the son asks his father: ‘Dad, would please do the Iron Man with me?’
และอีกวันนึง ลูกชายก็ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า ‘พ่อครับพ่อจะลงแข่ง Iron Man กับผมได้ไหม’

Now just in case you wouldn’t know, ‘The Iron Man’ is the toughest triatlon in existance; 4km swimming, then 180 km by bike, and finaly another 42 km running, in one stroke.
(สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Iron Man คืออะไร มันก็คือไตรกีฬานั่นเองในภาษาไทย รายการนี้จะรวมมนุษย์เหล็กจากทั่วโลกมาแข่งขันกันโดยแบ่งออกเป็น ว่ายน้ำ 4 กิโล ปั่นจักรยาน 180 กิโล และ วิ่ง 42 กิโล โดยไม่มีการหยุดพัก ใครเข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ)

Again father says ‘YES’
และก็อีกครั้งหนึ่งที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบปฏิเสธ ‘ได้ซิลูก’

Maybe this doesn’t ‘touch’ you yet by heart … until you see this movie (put on sound!):
บางทีบทสนทนานี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ และยังไม่เกิดความประทับใจกับมัน…จนกระทั่งคุณได้ดูคลิปต่อไปนี้
เครดิตจาก http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9660258/A9660258.html

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 2 ความเห็น

ความรักก็เป็นเช่นนี้

"ทำไมมนุษย์โดยมากจึงมักบอกว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีสุข เพราะเขายังไม่ได้เรียนรู้ความรักตั้งแต่ต้นสายถึงปลายทาง คนที่บอกว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีสุข โดยมากมักเริ่มต้นแค่รู้จักความรักช่วงก่อนโปรโมชั่น พูดประโยคอย่างนี้กันทั้งนั้น พอเริ่มเรียนรู้ที่จะรักไปสักพักหนึ่ง ถ้าสังเกตอย่างละเมียดละไมก็จะเห็นว่ามันเริ่มสุขๆ ทุกข์ๆ ปนกันโดยตลอด

หลังจากนั้นเมื่อหลวมตัวแต่งงานไป วันเวลาส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความทุกข์มากกว่าความสุขแล้ว ฉะนั้นความสุขซึ่งเกิดจากการมีความรักเชิงชู้สาวนั้น แท้ที่จริงก็คือความทุกข์ที่รอเวลาอยู่เท่านั้นเอง มันคือความสุขที่แท้ที่จริงคือเจ้าความทุกข์ที่รอเวลาแสดงตัว คนหนุ่มคนสาวจำนวนมากไม่รู้ก็เลยคิดว่าความรักนั้นช่างหอมหวานเหลือเกิน จริงอยู่ความรักเป็นความหอมหวาน แต่เป็นความหอมหวานของเนื้อทุเรียนซึ่งมีเปลือกที่แสนขรุขระ ใช่ไหมล่ะ อาตมภาพเห็นด้วยกับพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ตรัสว่า "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีโศก ที่ใดมีโศก ที่นั่นก็มีภัย ที่ใดไร้รักไร้โศก ที่นั้นก็พ้นโศกพ้นภัย" ฉะนั้นถ้าคุณรักแล้วอยากจะปฏิเสธทกข์ อย่าทำเลย ไม่มีทาง ถ้าคุณมีโศก ก็หมายความว่าคุณยึดติด แล้วจะปฏิเสธความเศร้าที่ตามมา ไม่มีทาง ใครทุกคนที่เริ่มมีความรัก ขอให้เรียนรู้กติกาของความรักเอาไว้เลยว่า ความรักมีความทุกข์เป็นของแถม เหมือนกับเราหยิบเหรียญกษาปณ์ขึ้นมา 1 เหรียญ ถ้าด้านปรากฎต่อเราคือด้านหัว ด้านตรงข้ามก็คือด้านก้อย เช่นเดียวกันเมื่อเรายกหน้ามือขึ้นมาพินิจ หลังมือก็ติดมาพร้อมๆ กันนั่นแหละ ความรักกับความทุกข์จึงเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่การที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นก็เพราะเขายังถูกความรักบังตา เช่นเดียวกับในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์เอาไว้ว่า "ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใดใด ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้ ก็โลดและแล่นไป บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง ถึงแม้จะผูกไว้ ก็โลดไปด้วยกำลัง ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ หวนคิดถึงเจ็บกาย" นี้เป็นสัจธรรมที่อยู่ในกวีนิพนธ์

พระพุทธเจ้าก็ตรัสเอาไว้แบบนี้แหละ คนที่มีความรักนั้นมีกำลังนับร้อยเท่านับพันเท่า โลดแล่นโจนทะยานออกไป บางครั้งโจนทะยานออกจากอกพ่ออกแม่เพื่อมาค้นพบภายหลังว่า คนที่รักเราแท้ที่สุดก็คือพ่อคือแม่นั่นเอง ฉะนั้นทุกครั้งที่เราเริ่มต้นมีความรัก สิ่งหนึ่งซึ่งควรมาคู่กันกับการมีความรักก็คือความเข้าใจในธรรมชาติของความรัก ถ้าเราไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ หรือรักกันมานานตั้งห้าหกปีแล้วสุดท้ายก็เลิกกัน หรือแต่งงานมาสิบปีแล้วสุดท้ายก็เลิกกัน คนที่เจ็บปวดจากความไม่สมหวังในความรักจากการใช้ชีวิตคู่ ควรมองออกไปให้กว้างว่าขาดเขาแล้วเราไม่ตาย เพราะก่อนจะมีเขาเรายังอยู่มาได้ เมื่อย้อนกลับไปไม่มีเขาอีกครั้งหนึ่ง เราก็กลับไปยืนอยู่ ณ จุดเดิม ก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้ แล้วอย่าทำร้ายชีวิต อย่าทำร้ายตัวเอง แต่ให้มองว่าการที่เราเกิดเป็นคนแล้ว ไม่ได้ทุกอย่างดังใจหวังนั้น เป็นบทเรียนอีกขึ้นหนึ่งของชีวิต เป็นบันไดขั้นหนึ่งของชีวิตที่ต้องก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ

" ในชีวิตของมนุษย์เรามีบทเรียนอยู่สองบทเรียน หนึ่ง บทเรียนที่ยาก และสอง บทเรียนที่ง่าย บทเรียนที่ง่ายก็คือทำอะไรก็สมหวังไปเสียทุกอย่าง แต่พอสมหวังไปเสียทุกอย่าง มนุษย์มักจะหลงตัวเอง พอหลงตัวเอง นั่นคือ ต้นทางของความผิดพลาด "

บทเรียนที่ยากมักจะช่วยขัดเกลาฝึกปรือเราให้เข้มแข็ง เหมือนคนบางคนที่เกิดมายากจนจึงเรียนรู้ที่จะต่อสู้ และเมื่อพยายามต่อสู้ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นคนมั่งคั่งพรั่งพร้อมได้ คนจำนวนมากที่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้แล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนั้นเพราะเขาไม่ปฎิเสธบทเรียนที่ยาก แต่กลับถือว่าเป็นบทเรียนที่เปรียบเสมือนหินลองทอง หรือเปรียบเสมือนหินลับมีด หรือบางทีเปรียบเสมือนกระดาษทรายที่ทำหน้าที่ขัดสีฉวีวรรณให้ชีวิตของเราผุดผ่องแวววาวทอประกายเจิดจรัสงดงามยิ่งขึ้น

ฉะนั้นการที่เราล้มเหลวในเรื่องความรัก ในเรื่องชีวิตคู่ ขอให้ถือว่าความล้มเหลวนั่นแหละคือบทเรียนแสนยากที่เป็นบันไดขั้นหนึ่งซึ่งเราต้องก้าวข้ามไป พอเราก้าวข้ามไปได้ ชีวิตของเราก็จะมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผู้รู้ท่านหนึ่งบอกว่าชีวิตที่ไม่ผ่านการต่อสู้เป็นชีวิตที่ไม่ควรค่าแก่การยกย่อง เห็นไหม เรามีหน้าที่สู้ชีวิต มีหน้าที่ก้าวข้ามความยากลำบาก ไม่ได้มีหน้าที่มาจมปลักอยู่กับความยากลำบากแล้วก็ทำร้ายทำลายตัวเอง ทุกครั้งที่เจอบทเรียนแสนยาก บอกตัวเองว่าต้องก้าวข้ามมันไป ไม่ใช่ฝังตัวเองอยู่กับบทเรียนแสนยาก บทเรียนยากๆ ทั้งหลายนั้นเปรียบเสมือนบันได ซึ่งเรามีหน้าที่ต้องก้าวผ่านบันไดเหล่านั้นไป ไม่ใช่ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงบันไดแล้วบอกว่าพอแล้วสำหรับชีวิตฉัน"

บทความจากท่าน ว.วชิรเมธีมาให้อ่าน อาจจะยาวไปหน่อยนะค่ะ

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 6 ความเห็น

We will find a brighter day

อาจยังไม่ลืมที่เคยเจ็บช้ำ
อาจยังระทมทุกข์กับความหลัง อาจจะยังจำฝังใจ..
ต่อให้ใครๆ เฝ้าเตือนเท่าไร
ก็ยังคงนอนร้องไห้ฟูมฟาย จวบจนวันนึง ถึงได้เข้าใจ..

คร่ำครวญต่อไป แล้วได้อะไร ทุกข์ทนเพื่อใคร
เรื่องเจ็บปวด ร้าวรานในวันเก่า
จะเศร้าใจไปทำไม สุดท้ายก็ลืม ลืมหมดจากหัวใจ
วันนี้ยังทรมาน แต่น้อยลงกว่าเมื่อวานใช่ไหม
และวันนึงมันก็คงจางหายไป
We will find a brighter day

เจ็บจนตัวเองแทบหมดความหมาย
เจ็บมันเข้าไปแทบเป็นแทบตาย เจ็บจนมันชาทั้งใจ
เจ็บอีกไม่นานสักวันก็ลืม
เจ็บจนพอใจสักวันก็หาย เจ็บมาจนพอเสียที

คร่ำครวญต่อไป แล้วได้อะไร ทุกข์ทนเพื่อใคร
เรื่องเจ็บปวด ร้าวรานในวันเก่า
จะเศร้าใจไปทำไม สุดท้ายก็ลืม ลืมหมดจากหัวใจ
วันนี้ยังทรมาน แต่น้อยลงกว่าเมื่อวาน ใช่ไหม
และวันนึงมันก็คงจางหายไป
We will find a brighter day

วันที่ดีๆ ไม่ได้มีทุกวัน ตัวฉันนั้นก็รู้ว่า
คงต้องมีสักวัน ที่อาจมีน้ำตา ที่อาจเสียน้ำตา
ความรักเราหยุดมันสะดุด
อาจจะมีคลุกคลาน คิดว่าโชคดี
โชคดีไปละกัน ความรักมันไม่ลงตัวก็ยังดีที่รู้ทัน
จะบอกว่าฉันต้องไม่ตาย ก็บอกว่าเรายังไม่ตาย
สิ่งที่เจอในวันนี้มันไม่ใช่สิ่งสุดท้าย..

ลืมเรื่องราวไม่ดี เลิกร้องไห้สักที
เริ่มต้นกับวันที่ดี
ลืมเรื่องราวไม่ดี เลิกร้องไห้สักที
เริ่มต้นใหม่กับวันที่ดี..

เรื่องเจ็บปวด ร้าวรานในวันเก่า
จะเศร้าใจไปทำไม สุดท้ายก็ลืม ลืมหมดจากหัวใจ
วันนี้ยังทรมาน แต่น้อยลงกว่าเมื่อวานใช่ไหม
และวันนึงมันก็คงจางหายไป
และสุดท้ายเราก็ลืมหมดหัวใจ We will find a brighter day

โพสท์ใน Music | 5 ความเห็น

ขอบคุณ

ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้คนมุมานะ
ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ
 
ขอบคุณความผิดผลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ
 
ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไมใช่มืออาชีพพอ…
 
ขอบคุณคำสอนจาก ท่าน ว. วชิรเมธี
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 4 ความเห็น

ฤดูใบไม้ผลิ

ฤดูใบไม้ผลิ… ชีวิตผกผัน
อาทิตย์ก่อนยังเซ็งกับงาน
อนาถชีวิตตัวเอง………….
เตรียมตัวหยุดยาวไปล่องแก่งกับเพื่อนๆ
หลังจากเหนื่อยจากการทำงานอย่างหนัก
ก่อนหยุดเพียงไม่กี่วัน ผกผันให้ได้เดินทางไกล
มีคนบอกคุณ..ว่าแม่เค้าเข้าICUจะกลับต่างจังหวัดด่วน
ทั้งร้องไห้และทำอะไรไม่ถูก.. สำหรับฉันพร้อมจะเดินทางไปเป็นเพื่อนเค้า
ทั้งๆเกิดมาไม่เคยไป  ไม่รู้จักใครนอกเหนือจากเค้า
ไปด้วยเพียง…. ใจที่เค้าโทรหาเรา
ได้ยืนใกล้ๆตอนเค้าร้องไห้
ได้เพียงตบบ่าเบาๆ ให้กำลังห่างๆ
ฤดูใบไม้ผลิมาถึง… ใบไม้ย่อมร่วงหล่น
ร่วมจัดงานศพ…เหนื่อยยิ่งกว่าทำงาน
นอนเพียงวันละไม่กี่ชม. นอนวัดตลอด4วัน
กลับมาถึงวันเสาร์ 7 โมงเช้าเข้าทำงานต่อเลย
ทำไมเราไม่เหนื่อยนะ……. กลับสุขใจที่ได้ทำ
คิดแปลกใจที่ทำไมเราทำได้…โดยไม่กลัว
โดยไม่เขินอาย… และไม่เหน็ดเหนื่อย
ฉันนอนเฝ้าไข้กับเค้าจนเที่ยงคืน ทุกคนวุ่นวายปั๊มหัวใจคนไข้
ไปรพ.2วันเห็นคนตายเป็นใบไม้ร่วง
เห็นเค้าร้องไห้ ผู้คนร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก
ฉันยืนอยู่ใกล้ๆ….. อย่างห่วงๆ…….
ฉันอาบน้ำศพ……. เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ศพ
ฉันช่วยเค้ายกศพเข้าโลง… ทำไมฉันไม่กลัวนะ………
แปลกใจกับตัวเองเหมือนกันที่ทำไปได้
………ชีวิตคนเราก็เท่านั้น………..
คนที่เค้าเหนื่อยเค้าเจ็บ เค้าท้อมีมากกว่าเรามากนัก
ใยเราจะต้องน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองเรา……….
จะแคร์ทำไมแค่คน2-3คน ยังมีอีกเป็นร้อยที่รักเรา….
เห็นคนเป็นลูกหลายคนที่ไม่เคยบอกว่ารักแม่ ทำดีกับท่าน
ไม่มีท่านแล้ว……….เสียใจยิ่งนัก…และไม่รู้จะบอกรักใคร
…….ถึงงานจะยุ่ง….เงินจะน้อย…. และเราจะกลับบ้านหาแม่…………………….
 
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 2 ความเห็น

ฉันเป็นแกนกลางของจักรวาล?

มีใครเคยถามตัวเองไหม?

เราเป็นแกนกลางของจักรวาลหรือเปล่านะ……….

แค่เอ่ยว่าเราเป็นศูนย์กลางของทุกคน หรือหลายคน สำหรับฉันละน่าเบื่อที่สุด

แต่สำหรับบางคนอาจจะชอบนะ…

ใครๆก็รุมล้อม ใครๆเห็นว่าเราเป็นคนสำคัญ…..

สำหรับฉันละไม่…

ใครจะทำอะไรก็ปล่อยไป ใครจะเป็นยังไงก็ช่างเค้า

ฉันไม่ใช่แม่เหล็กจะมายึดติดอะไรกับตัวฉัน

หรือเพราะฉันต่างขั่วแรงดึงดูด ถึงดึงสิ่งต่างๆเข้ามาหาน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

เราไม่อยากมันก็ต้องเป็นแล้วละมั้ง

ฉันไม่รู้ว่าฉันเกิดมาเป็นอะไร

ฉันอาจจะใช่แม่เหล็กจริงๆก็ได้… หรือแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

…………………………..

 ฉันไม่ได้ตั้งใจให้ตัวเองเกิดมาเป็นศูนย์กลางนะ

แต่พอเราเข้ามาอยู่ตรงกลาง

แล้วมีสิ่งต่างๆมากมายที่เค้าอยากหมุนรอบตัวเรา

เหมือนเราเป็นดวงอาทิตย์ แล้วมีดาวเคราะห์หมุนรอบตัวเรา ยังไงอย่างนั้น

วันใดที่อาทิตย์หมดแสงลง….สรรพสิ่งจะอยู่อย่างไง

อาทิตย์ให้แสงสว่าง และความร้อนคู่กัน

ดวงอาทิตย์สว่างมากเค้าจะมองเห็นอะไรได้ชัดหรือเปล่า

ดวงอาทิตย์มีความร้อนมาก เค้าจะร้อนภายในตัวเองหรือไม่

เราเคยถามคำถามนี้กันไหม? หรือมีมันเกิดขึ้นในสมองหรือเปล่า

………………………………

บ่อยครั้งที่คนเราเป็นเหมือนห่วงยางลอยบนผิวน้ำเพียงลำพัง

มีเพียงลมที่ช่วยให้สามารถลอยน้ำได้

ในแม่น้ำที่แสนจะกว้างใหญ่

บ่อยครั้งที่นกบ้าง จระเข้บ้างแวะเวียนมาหาด้วยความสงสัยว่าฉันเป็นอะไร

อาจจะเป็นเพราะฉันคือห่วงยางอันเดียวในแม่น้ำแห่งนี้

อาจเป็นเพราะสีสันที่ติดตัวฉันมาแต่กำเนิด

อาจเป็นเพราะฉันไม่มีขนทำไมลอยน้ำได้

อาจเป็นเพราะฉันไม่มีปีก บางครั้งทำไมเห็นฉันลอยกระโดดขึ้นฟ้าได้

………………………………….

แกนโลกเอียงจะเกิดอะไรขึ้น ใครบ้างอยากให้เอียงไปทางไหน

ดวงอาทิตย์ไม่มีแสงแล้วเราจะทำไง พึ่งตัวเองได้ไหม

…………………………………

มีคนประมาณ10คนตกเครื่องบินลงมาแม่น้ำ

บางคนว่ายน้ำเป็น และบางคนว่ายน้ำไม่เป็น

เหลือบเห็นห่วงยาง ลอยอยู่…

คนเป็น 10 ต่างมุงหน้า แย่งชิงห่วงยาง

มีเหตุผลต่างๆ มากมายที่เข้ามา

ฉันว่ายน้ำเป็น… แต่ทำไมละในเมื่อเห็นอยู่ว่ามีห่วงยางตรงนั้นจะว่ายทำไมให้เหนื่อย

ฉันว่ายน้ำไม่เป็น… ไม่มีใครช่วยฉันเลย ฉันกลัวตายจึงอยากได้ห่วงยาง

……………..

ทำไมคนว่ายน้ำเป็น ไม่คิดช่วยคนอื่นบ้าง

ทำไมว่ายน้ำเป็นไม่รีบว่ายดู เผื่อถึงฝั่งแล้วกลับมาช่วยคนที่เหลือทัน

ทำไมคนว่ายน้ำไม่เป็น เคยคิดจะหัดว่ายน้ำบ้างไหม

ทำไมคนว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ยอมลดละความอายความกลัวขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง

สุดท้าย..

ต่างคนมุ่งหน้า มาหาห่วงยางน้อย

บางคนก็จมน้ำตายก่อน

ที่เหลือละ ดีใจได้เกาะห่วงยาง

แต่ไม่นานห่วงยางรับน้ำหนักไม่ไหว เกินกำลังตัวเอง

.

แม่น้ำอันกว้างไกล.. รอบข้างเขียวขจี

ผิวน้ำแนบนิ่ง จนได้ยินเสียงลมพัดใบหญ้า

………ห่วงยางและผู้คนก็ค่อยๆจมหายไป………

สุดท้ายก่อนตายก็ไม่วายเสียงบ่นจากผู้คนเหล่านั้น

ทำไมห่วงยางมันเล็กจัง!!

……………………………………..

ห่วงยางน้อย…

เจ้าช่างโดดเดี่ยวซะจริงเลย

T__T

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 9 ความเห็น